BUSINESS [-25-] เริ่มต้นใหม่ ไม่ต่อต้านกระแส

เริ่มต้นใหม่ ไม่ต่อต้านกระแส

___________________________________________

ในการเริ่มต้นธุรกิจนั้น ไม่ว่าเราจะเริ่มต้นจากอะไรก็ตาม เช่น จากประสบการณ์การทำงาน จากสิ่งที่ชอบ จากโอกาสที่ได้รับ จากการสำรวจตลาด หรืออื่นๆ ก็ตามจะมีบางอย่างที่เราจะเป็นที่จะต้อง ทำตามกระแสหรือตามให้ทันโลกบ้าง บางจังหวะ เพราะหากมีกระแสเข้ามาแล้วเหมาะกับธุรกิจที่เราทำอยู่ ก็ไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะต้องต่อต้าน

แน่นอนว่าการเริ่มทำธุรกิจนั้น สิ่งหนึ่งที่ต้องระวังก็คือ การทำตามกระแส เพราะเมื่อเป็นกระแสก็ย่อมรู้ว่าเป็นสิ่งที่ผ่านมาแล้ว ก็ผ่านไป หากตั้งใจจะเข้าทำเพราะกระแสมาแรง ก็ย่อมต้องระวังอย่างมาก เพราะเราอาจจะเป็นคนที่เข้าไปทำตอนที่กระแสเริ่มหมดแล้วก็ได้ มีความเสี่ยงที่จะเสียเงินลงทุนเปล่า ๆ หรือขาดทุนตั้งแต่เริ่มก็ได้ ดังนั้น การเริ่มต้นทำธุรกิจ จึงควรวางแผนว่าสินค้าหรือบริการของเราจะอยู่ได้ยาวแค่ไหน ยกเว้นคนที่ตั้งใจจะเปิดร้านขายสินค้าตามกระแสอยู่แล้ว เช่น สินค้าที่เกี่ยวกับเทคโนโลยี สินค้าแฟชั่น เป็นต้น แต่ถึงแม้ว่าเราจะไม่ควรตามกระแส แต่เราก็ไม่ควรที่จะต่อต้านกระแสเช่นกัน ซึ่งไม่ได้หมายถึงเพียงสินค้าหรือบริการ แต่หมายถึงกระบวนการอื่น ๆ ที่เป็นที่นิยมด้วย และนี่คือสิ่งที่เราควรคิดเผื่อไว้ ว่าจะต้องตามกระแสอะไรบ้าง

1. ช่องทางการตลาด

หลายธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นทั้งแบบเก่า หรือแบบใหม่ ต่างก็จำเป็นต้องอาศัยช่องทางในการทำการตลาด โดยเฉพาะช่องทางโลกออนไลน์ บางคนที่ไม่ยอมปรับก็อาจจะไม่สามารถขยายกิจการได้ หรือบางรายก็สูญเสียลูกค้า และกิจการแย่ลงเลยก็มี เพราะด้วยการแข่งขันที่สูงมากขึ้น และความเชื่อถือในโลกออนไลน์มีมาก ทำให้เราจำเป็นต้องอาศัยช่องทางดังกล่าว เพื่อให้ธุรกิจของเรายังคงอยู่ต่อไปได้ และมากกว่านั้นเรายังสามารถขยายฐานการตลาดเพิ่มขึ้นได้ด้วย บางที่จะเห็นว่า ร้านอาหารที่โด่งดัง คนไปกินเยอะ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวที่ไปกันแน่นร้าน ก็มีทั้งอร่อยและไม่อร่อย แต่ที่เหมือนกันคือ คนเข้าไปกินเยอะเพราะคิดว่าต้องดีแน่นอน เพราะใคร ๆ ก็ไปกัน เคยเห็นจากช่องทางออนไลน์ก็อยากไปให้ได้ แต่บางร้านที่อร่อย กลับมีแต่คนท้องถิ่นที่รู้จักอยู่แล้วเข้าไปกิน แต่ไม่ได้มีลูกค้ามากมายทั้งที่อาจจะอร่อยกว่าก็ได้ นั่นเพราะไม่ได้สนใจการตลาดที่เปลี่ยนไป และทำในแบบเดิม ๆ ตั้งแต่ต้น ดังนั้น ยิ่งการเริ่มทำธุรกิจใหม่ การใช้ช่องทางการตลาดที่เป็นกระแสนิยมยิ่งเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างมาก

2. โปรโมชั่น

โปรโมชั่น อาจจะเป็นเรื่องที่ไม่ได้ใหม่มากนัก และมีอยู่ไม่กี่อย่างที่เราสามารถหยิบมาเป็นโปรโมชั่นให้ลูกค้าได้ แต่ส่วนนี้ก็จะเป็นเรื่องของความนิยม โดยเฉพาะช่วงเทศกาลต่าง ๆ ตัวเลขสวย ๆ ของวันที่ นักช็อปปิ้งต่างรอคอยที่จะได้สินค้าราคาถูก หากเราเป็นร้านที่ไม่ทำช่วงที่นิยมกัน ช่วงนั้นเราก็อาจจะเสียโอกาสไปได้ เพราะ ช่วงนั้นทุกคนต่างก็ต้องการได้รับโปรโมชั่นดี ๆ รวมถึงคู่แข่งหรือเพื่อนร่วมธุรกิจของเรากำลังทำโปรโมชั่นอะไรอยู่บ้าง นั่นก็อาจจะเป็นสิ่งที่ลูกค้าคาดหวังจะได้จากเราเช่นกัน หรืออะไรที่เป็นสิ่งที่มีประโยชน์กับลูกค้า เช่น ช่วงที่ผ่านมา มีโครงการคนละครึ่ง เมื่อเราไปเดินตลาดจะเห็นร้านค้าร่วมโครงการเยอะเลย ดังนั้น หากมีร้านบางร้านที่เป็นส่วนน้อยไม่ร่วมโครงการนี้ จะเห็นได้ชัดเจนเลยว่า มีลูกค้าน้อยกว่าร้านรอบ ๆ แบบนี้ก็ถือเป็นเรื่องของโปรโมชั่นได้เช่นกัน

3. การทำคอนเท้นท์

การทำคอนเท้นท์นั้น จะมีทั้งแบบที่ไม่เป็นไปตามกระแสนิยม เช่น ความรู้ต่างๆที่ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปเมื่อไหร่ก็เหมือนเดิม แต่ก็จะมีคอนเท้นท์ที่ตามข่าว ตามกระแสนิยม เป็นสิ่งที่หากทำได้ก็จะไม่ตกเทรนด์ และสามารถเป็นไวรัลให้คนแชร์ เป็นที่รู้จักได้อย่างรวดเร็วอีกด้วย

4. สินค้ากลุ่มแฟชั่น

สินค้ากลุ่มนี้ ยิ่งต้องปรับเปลี่ยนให้เร็ว เพราะเป็นสินค้าที่คนซื้อตามแฟชั่น ตามกระแสอยู่แล้ว หากดูสินค้าที่กำลังจะมาได้ถูก จะเป็นช่วงที่เก็บเกี่ยวรายได้ได้มากเลยทีเดียว เช่น เสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า เป็นต้น แต่เชื่อว่าคนที่เริ่มทำธุรกิจแฟชั่นย่อมต้องปรับเปลี่ยนตามกระแสอย่างแน่นอนอยู่แล้ว เพราะความชอบและแฟชั่นนั้นเปลี่ยนไปตลอด แม้ว่าจะมีแบรนด์ที่ชัดเจน ก็มีบ้างที่ต้องออกแบบมาตามความนิยม

5. สินค้าที่เปลี่ยนไปบ่อย

สินค้าที่เปลี่ยนไปบ่อยๆ อย่าง เทคโนโลยี เช่น มือถือ นาฬิกา สินค้าคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์มือถือต่า งๆ แฟชั่นของเทคโนโลยีอีกที เช่น เคสมือถือ กระเป๋าโน้ตบุ้ค และอื่น ๆ ที่สามารถเปลี่ยนได้บ่อย ๆ ยิ่งต้องรีบนำมาจำหน่ายให้ทัน เพราะถ้าช้าก็จะตกเทรนด์ได้อย่างรวดเร็ว ทำให้เสียโอกาสในการขายอย่างมาก

6. สินค้าสำหรับ ผู้หญิง และ วัยรุ่น

ด้วยความเป็นผู้หญิง มักจะมีสังคม ที่นำของมาคุยกัน อวดกัน ใครมีแล้ว หรือยังไม่มี ดูโซเชี่ยลบ่อย ก็เกิดความอยากได้ขึ้นมา หากมาร้านเราไม่มี แต่ไปร้านอื่นที่ขายสินค้าประเภทเดียวกันแล้วมี เราก็จะเสียโอกาสในการขายอย่างมากเลยทีเดียว และวัยรุ่น เป็นวัยที่ตามเพื่อน วัยที่ต้องใช้อะไรที่ไม่ตกเทรนด์อยู่แล้ว คำว่าเชย เป็นคำต้องห้ามสำหรับเด็กวัยรุ่น หากกลุ่มลูกค้าของเราเป็นกลุ่มนี้แล้วนั้น ยิ่งต้องทำอะไรให้ทันโลกยิ่งกว่ากลุ่มอื่นๆ

การรู้ว่าเราควรตามกระแสเมื่อไหร่ เพราะอะไร เป็นสิ่งที่สำคัญ เราอาจจะไม่ต้องตามทุกอย่าง แต่เราจำเป็นต้องทันว่าอะไรที่เราต้องตามบ้าง หากไม่ตามเราก็อาจจะไม่ได้ถึงกับขาดทุน แต่เราจะเสียโอกาสในการขายไปอย่างน่าเสียดายย ดังนั้น เราจึงควรดูว่า เมื่อไหร่และกระแสแบบไหนที่เราควรจะตามกระแสบ้าง และเมื่อไหร่และกระแสแบบไหนที่เราก็ไม่จำเป็นต้องตามก็ได้ ทุกสิ่งเป็นเรื่องที่เราเองต้องพิจารณาให้เหมาะสมกับ สินค้า บริการ กลุ่มลูกค้าของเราเอง