7 วิธี หาไอเดีย ทำธุรกิจอะไรให้เหมาะกับตัวเอง

___________________________________________

จะทำธุรกิจอะไรดี เป็นอีกหนึ่งคำถามยอดฮิตที่หลายคนยังหาคำถามไม่ได้ บางคนก็คิดไม่ออกจริง ๆ ว่าตัวเองอยากทำธุรกิจอะไร? ไม่รู้ว่าควรทำธุรกิจอะไรให้เหมาะกับตัวเอง บางคนก็มีไอเดียเยอะแยะจนเลือกไม่ถูก แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ ลองมาดูว่ามีวิธีหาไอเดียทำธุรกิจที่เราได้นำมาแบ่งปันกันในวันนี้

1. ตั้งคำถามกับตัวเอง

ปกติแล้วเรามักจะทำสิ่งที่ชอบ หรือไม่ชอบ ในแบบอัตโนมัติ ไม่ค่อยได้มาคิดแบบจริงจังเลยว่า จริงๆแล้วเราชอบและไม่ชอบอะไรกันแน่ ดังนั้นการตั้งคำถามกับตัวเอง เป็นสิ่งแรกที่เราน่าจะหาคำตอบจากตัวเองให้ได้ โดยที่โยนความน่าจะเป็นในการทำธุรกิจออกไปให้หมด ไม่ต้องคิดว่าสิ่งนี้จะเป็นธุรกิจได้หรือเปล่า เอาแค่ความชอบ กับไม่ชอบก็พอ โดยแยกระดับด้วยก็ได้

เช่น ชอบมากไม่ได้เงินก็ทำ ทำแบบอัตโนมัติ ชอบแบบพอทำได้ ถ้ามีให้ทำก็ทำ เฉยๆไม่ได้เกลียด สิ่งนี้ไม่ชอบแต่รับได้ทำได้ สิ่งนี้ไม่ชอบและไม่อยากทำ สิ่งนี้เกลียดเลย เป็นต้น รวมถึงตั้งคำถามถึงสิ่งที่ตัวเองถนัด มีความรู้ อย่างเช่น สิ่งที่เรียนมา ประสบการณ์ที่เคยผ่านมา สิ่งที่สามารถทำได้เองโดยที่ไม่เคยเรียน เรียกว่าพรสวรรค์ เป็นต้น

ซึ่งเมื่อลิสออกมาแล้วจะได้หลายอย่าง บางคนได้เป็นหน้ากระดาษหลายหน้าเลยก็มี และไม่จำเป็นที่จะต้องเลือกเพียงอย่างเดียว เราอาจจะเลือกออกมาหลายๆอย่าง หรือเอาแต่ละอย่างมาประกอบกันก็เป็นไปได้เช่นกัน นี่คือแหล่งไอเดียที่เกิดมาจากตัวเราเองทั้งหมด

2. ถามความเป็นเราจากคนอื่น

บางครั้งเราเองก็อาจจะไม่ได้รู้จักตัวเองในมุมที่คนอื่นรู้จัก เราจะเห็นได้ว่า บางครั้งเราคิดว่าเราเป็นคนแบบหนึ่ง แต่คนอื่นมองเราอีกแบบหนึ่ง ซึ่งทั้งหมดล้วนเป็นเราทั้งนั้น เพียงแต่เป็นมุมมองที่ต่างกันออกไป ในแต่ละบุคคล ซึ่งคนอื่นจะเหมือนเป็นกระจกสะท้อนกลับมา ทั้งข้อดี ข้อเสีย และความสามารถที่เรามองไม่เห็นหรือมองข้ามไป

เช่น เราอาจจะถามจากหลายๆคนว่า จะนึกถึงเรา ขอความช่วยเหลือหรือปรึกษาเรา เมื่อเขามีปัญหาอะไร นี่จะเป็นสิ่งที่เรารู้อยู่แล้วหรืออาจจะชินจนมองข้ามไปก็เป็นไปได้ และจะเป็นเสียงการันตีความสามารถของเราที่เป่งประกายออกไปจนคนอื่นรับรู้ และหากเราใจแข็งพอที่จะไม่เถียงหรือตอบโต้ การถามข้อเสียของตัวเราเองที่คนอื่นเห็น ก็เป็นเรื่องที่ดีที่เราจะได้เห็นมันด้วย เพื่อให้เราได้รับรู้และระมัดระวังหากมันจะกระทบกับการทำธุรกิจในอนาคต

3. อ่านหนังสือ บทความ

การอ่าน เป็นวิธีพื้นฐานที่ทำกันมายาวนาน และยังคงใช้ได้อยู่อย่างมีประสิทธิภาพ เรามักจะพบว่า คนสำเร็จหลายคนอ่านหนังสือมาไม่น้อยเลยทีเดียว ซึ่งเราอาจจะเลือกอ่านหนังสือที่คิดว่าเป็นประโยชน์ หรือเราอาจจะอ่านหนังสือที่เราชอบ ก็ไม่ได้ผิดอะไร ไม่จำเป็นต้องเป็นหนังสือเรียน หรือหนังสือการทำธุรกิจแต่อย่างใด เพียงแต่เราอาจจะอ่านในมุมมองที่ต่างออกไปนิดหน่อย จากที่เคยอ่านเพื่อความบันเทิง เราอาจจะตั้งเป้าหมายเพิ่มว่า เราจะได้อะไรจากการอ่านหนังสือเล่มนี้ แล้วโน้ตสิ่งที่ได้ หรือขีดเส้นประโยคที่ชอบไว้ก็ได้

4. ดูหนัง ซีรี่ส์ รายการทีวีต่างๆ

การดูหนัง แม้ว่ามักจะเป็นการดูเพื่อความบันเทิง แต่ทั้งหนัง ซีรี่ส์ และรายการต่างๆนั้น ล้วนทำออกมาจากเรื่องราวของคน และมักจะให้แง่คิดไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง บางเรื่องบางรายการ เน้นไปในเรื่องของธุรกิจ หรือสร้างแรงบันดาลใจ เราอาจจะดูด้วยเป้าหมายที่ต่างออกไปแบบเดียวกับที่อ่านหนังสือก็ได้ว่า เราได้อะไรจากการดูครั้งนี้

5. ไปงานนิทรรศการต่างๆ

งานต่างๆที่จัดขึ้น มักจะเป็นสิ่งที่ผู้คนสนใจอยู่แล้ว หรือเป็นสิ่งที่ต้องการเปิดตัวให้ผู้คนรู้จัก การที่เราได้ไปงานเหล่านี้ นอกจากจะไปช้อปปิ้ง เดินดูสินค้า นิทรรศการ งานโชว์ต่างๆ ก็ยังสามารถศึกษา และอัพเดตความรู้รอบตัวปัจจุบันได้ด้วยเช่นกัน เรียกว่าเป็นการเปิดหูเปิดตา ได้อีกรูปแบบหนึ่ง

6. ร่วมงานสัมมนา

เมื่อโลกเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว การที่เราจะอ่านหรือศึกษาเองอาจจะต้องใช้เวลานาน เราอาจจะใช้ทางลัดสักหน่อย ด้วยการเลือกเข้างานสัมมนา ทั้งฟรี และเสียเงิน เพื่อให้ได้ความรู้จากคนที่มีความรู้ และประหยัดเวลา ให้เราได้เห็นว่าสิ่งที่เราสนใจนั้น เมื่อลองศึกษาดูแล้วใช่ทางของเราหรือไม่ และที่สำคัญ เวลาที่เราไปร่วมงานเหล่านี้ เราจะได้พบเจอกับคนที่รักในการพัฒนาตัวเองจากหลากหลายวงการ เรียกได้ว่าเป็นโอกาส 2 ต่อเลย ทั้งได้ความรู้ และได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์กับผู้อื่นอีกด้วย

7. ออกท่องเที่ยว

การอุดอู้อยู่แต่บ้าน หรือไปในที่เดิม ๆ ก็ทำให้เราเห็นแต่สิ่งเดิม ๆ และทำให้มีความคิดแบบเดิม การออกไปท่องเที่ยวบ้าง โดยเฉพาะการท่องเที่ยวที่ต่างออกไป ไปดูโลกกว้างหน่อย ไม่ว่าจะใกล้ หรือไกลแค่ไหนก็ได้ เราจะได้โลกทัศน์ ของเราให้กว้างขึ้น การได้อยู่กับตัวเอง การได้ไปเห็นอะไรใหม่ๆ ได้พักผ่อน ผ่อนคลาย หรือแม้แต่การไปเที่ยวธรรมชาติ เดินป่า ขึ้นเขา หรือจะเข้าเมืองที่ต่างออกไป จะเที่ยวติดดิน หรือเที่ยวหรู ก็ขึ้นอยู่กับสิ่งที่เราต้องการ ซึ่งไม่ว่าจะเที่ยวที่ไหนก็ทำให้เราได้ทบทวนตัวเอง สมองปรอดโปร่งมากขึ้น แล้วที่เหล่านั้นก็อาจจะทำให้เราเกิดไอเดียขึ้นมาอย่างที่เราคาดไม่ถึงเลยก็เป็นไปได้

การหาไอเดียเหล่านี้อาจจะใช้เวลาไม่นาน หรือบางคนอาจจะนานหน่อย ก็ไม่ต้องใจร้อนไป เราอาจะคิดว่าอยากรีบทำเร็วๆเพื่อสำเร็จเร็วๆ แต่หากการเริ่มต้นของเราไม่ได้เกิดมาจากการพิจารณาให้ดี ก็อาจจะเป็นการเสียเวลาก็เป็นไปได้เช่นกัน ถ้าหากคำถามของเรา คือ การทำอะไรก็ได้ให้มีเงิน เราอาจจะใช้วิธีอื่น แต่ถ้าคำถามของเราคือจะทำอะไรให้เหมาะกับตัวเรา ก็จงให้เวลาตัวเองหน่อยนะ