BUSINESS [-31-] อย่าเริ่มทำธุรกิจ ถ้ายังคิดแบบนี้

date_range 12 ม.ค. 2023
visibility 242 views

 

อย่าเริ่มทำธุรกิจ ถ้ายังคิดแบบนี้

___________________________________________

 

ทำๆ ไปก่อน เหมือนเร็วแต่เสี่ยงและเสียเวลา

ความเสี่ยงและเสียเวลา

“ลงมือทำทันที” เป็นคำที่ทำให้หลายคนตีความกันไปในแบบที่ดูเหมือนจะกลายเป็นมุทะลุ ไม่รอบคอบ ไปได้ด้วย หากการลงมือทำทันที ไม่มีการวางแผนใดๆเลย ไม่ได้คิดไตร่ตรองใดๆเลย คนที่ลงมือทำทันที อาจจะหมายถึง เริ่มลงมือวางแผนทันที ลงมือสำรวจตลาดทันที ก็ได้ แต่หลายคนเอาไปใช้ในการทำไปเลย ทำไปก่อน แบบไม่ได้คิดอะไร ซึ่งแม้จะเริ่มเร็วแต่ก็เสี่ยงมาก และบางครั้งอาจจะเสียเวลามากกว่าเดิมก็ได้ หากคำว่า “จงลงมือทำทันที” ยังทำให้คิดว่าต้องทำอะไรซักอย่าง หรือไปเปิดร้านเลย ขายเลย ลงทุนเลย ก็เปลี่ยนเป็นคำว่า “ลงมือวางแผนทันที” หรือ “ลงมือสำรวจตลาดทันที” หรือ “ลงมีทำอย่างมีแบบแผนทันที” ก็ได้

แก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ก็พอ

แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า

หลายคนถนัดในการทำไปก่อน เรียนรู้ระหว่างทาง ทำให้ไม่ค่อยได้วางแผนงานเท่าไหร่ เรียกได้ว่าเป็นคนที่แก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้เก่ง แต่ถ้ามีการวางแผนงานไปก่อนก็ไม่จำเป็นต้องเหนื่อยคอยแก้ปัญหาอยู่เรื่อยๆ ที่สำคัญเป็นการลดความเสี่ยงในการประกอบธุรกิจด้วย เพราะการทำงานของเราบางครั้งก็ไม่จำเป็นต้องเสี่ยงในสิ่งที่เราสามารถป้องกันได้

ทำหลายๆ อย่างอะไรไม่สำเร็จก็ได้ เพราะมีอีกอย่างรองรับ

เรื่องนี้อาจจะเหมาะกับการลงทุนเพื่อกระจายความเสี่ยงมากกว่า หรือการทำงานที่มีงานประจำทำแล้วหางานเสริมนอกเวลาทำ หรือเริ่มทำธุรกิจเล็กๆที่ใช้เวลาไม่มากหรือเพื่อการลองตลาด แบบนั้นก็ได้ แต่ถ้าเราเริ่มทำธุรกิจจริงจังแล้ว การโฟกัสในการทำให้สำเร็จเป็นอย่างๆ ไปก่อน ก็น่าจะดีกว่า เพราะต้องใช้เวลาในการทุ่มเท ทดสอบ หากไม่ใช่ค่อยเลิกแล้วไปทำอย่างอื่นก็ได้ หรือทำอย่างแรกให้สำเร็จและกิจการดำเนินไปให้ได้ก่อน แล้วค่อยเริ่มทำเพิ่ม เพราะการทำแบบไม่เต็มที่หลายๆ อย่างอาจจะเสี่ยงมากกว่าก็เป็นไปได้

ออกจากงานเลย จะได้โฟกัส ทุ่มเท

ลาออก

ในทางกลับกัน บางคนที่ทำงานประจำอยู่ เมื่อคิดจะทำธุรกิจก็ออกจากงานเลยเพื่อให้ตัวเองได้ทุ่มเทกับกิจการที่จะทำ ซึ่งไม่ใช่เรื่องผิดอะไรหากมีการทดลองไประยะหนึ่งแล้วรอดแน่นอน มีการวางแผนธุรกิจแล้ว หรือทำควบคู่ไปแล้วเห็นว่ารายได้มากกว่าการทำงานประจำและหนทางยาวไกล เมื่อคิดรอบคอบขนาดนี้แล้วก็สามารถทิ้งรายได้จากงานประจำออกมาได้ แต่ไม่ใช่ว่าพอคิดจะทำธุรกิจก็ออกมาเลย เรียกได้ว่าทุบหม้อข้าวตัวเอง ซึ่งเสี่ยงมาก และทำให้เราเกิดความเครียดเป็นอย่างมากหากเจอปัญหาเพราะเรากังวลไปหมด ซึ่งนั่นไม่ก่อให้เกิดผลดีต่อการทำธุรกิจเลย

ต้องมีเงินทุนเยอะ

เงินทุนเยอะ

คำนี้มักจะหยุดการกระทำอะไรหลายๆอย่างด้วยเหตุผลที่ว่าไม่มีเงินทุน ก็เลยทำให้เป็นข้อจำกัด และความคิดนี้ทำให้ไม่มีความคิดสร้างสรรค์หาหนทางอื่นๆ เพราะปิดความเป็นไปได้ไปแล้ว และอีกแบบหนึ่งก็คือเมื่อคิดว่าต้องมีเงินทุนเยอะเมื่อไม่มีก็ไปหากู้ยืมมาก่อนเลย ซึ่งการกู้เงินมาทำธุรกิจไม่ใช่เรื่องผิดอะไร หากแต่ต้องมีแผนธุรกิจชัดเจนก่อนแล้วประเมินว่าต้องใช้เงินทุนเท่าไหร่ ไม่ได้เริ่มมาจากว่าต้องใช้เงินทุนเยอะไว้ก่อน แม้แต่ธุรกิจ STARTUP ที่โด่งดังปัจจุบันก็ยังไม่ได้ใช้เงินทุนมากตั้งแต่แรกเลย อย่างที่เราจะได้ยินว่า FACEBOOK จ้างคนตกแต่งออฟฟิศตอนแรกด้วยจำนวนหุ้น เพราะไม่อยากใช้เงินลงทุนในการจ้างงาน เป็นต้น

อยากได้เงินเยอะๆ ไวๆ

อยากได้เงินเยอะๆ

กว่าจะเกิดรายได้ กว่าจะคืนทุนแรก และต่อทุนใหม่อีก กว่าจะได้กำไรที่แท้จริง ไม่ใช่เรื่องที่จะใช้เวลาแป๊บเดียว และได้เงินเยอะ เหมือนการถูกรางวัล แต่เป็นการใช้ทั้งแรงกายแรงใจ อาจจะสำเร็จหรือเจออุปสรรคมากมายก็ได้ พอคิดว่าต้องการเงินเยอะไวๆ สิ่งที่ตามมาคือคิดว่าง่ายแน่ๆ ทำสำเร็จรอบเดียวเลยแน่ๆ พอเจอสถานการณ์จริงก็จะท้อได้เร็ว พอคิดเรื่องเงินเรื่องกำไรเป็นหลักก็ส่งผลถึงคุณภาพสินค้าที่แย่เพราะต้องการให้ทุนต่ำกำไรสูง ผลคืออยู่ได้ไม่นาน และตัวเราเองก็เครียด เพราะเมื่อคิดถึงแต่เงินก็ทำให้ยืดหยุ่นแผนการทำงานไม่ได้คิดถึงลูกค้าได้ยาก และตัวเองไม่ยอมให้กำไรลดลง ดังนั้นหากคิดแบบนี้ตอนทำธุรกิจก็แทบจะเห็นผลล่วงหน้าแล้ว ลองปรับเรื่องนี้ดูก่อนแล้วค่อยทำจะดีกว่า

ทำแต่สิ่งที่ชอบ

ในการทำธุรกิจนั้น มีหลายส่วนให้ต้องทำ ซึ่งเมื่อเราเข้ามาทำเองแล้ว เราจะเลือกทำแต่สิ่งที่อยากทำ สิ่งที่ชอบ ย่อมไม่ได้ แม้ว่าธุรกิจที่เราทำจะเริ่มมาจากสิ่งที่เรารักเราชอบก็ตาม แต่เราต้องมีการทุ่มเท เสียสละ ยอมที่จะทำสิ่งที่ไม่ชอบด้วย เพื่อให้งานที่เราชอบนั้นสมบูรณ์ยิ่งขึ้นด้วย ดังนั้นเตรียมใจไว้เลยว่า เราอาจจะต้องทำสิ่งที่ไม่ชอบ มากกว่าสิ่งที่ชอบเสียอีก

มีความรู้ ความชำนาญแล้ว ออกไปทำเองก็ได้สิ

เรียนรู้

ตอนเป็นพนักงานประจำทำให้เรามีความรู้ความสามารถในส่วนงานของเรา บางครั้งเราก็เห็นเลยว่า งานส่วนนี้เราเก่งกว่าหัวหน้า หรือเจ้าของกิจการเสียอีก ยิ่งทำให้เรามั่นใจว่า เราจะสามารถออกมาทำธุรกิจของตัวเองได้ ซึ่งจริงๆ แล้วการทำธุรกิจนั้นมีหลายส่วนงานที่เราต้องทำ ไม่ได้ทำเฉพาะส่วนงานของเราเท่านั้น โดยเฉพาะเรื่องของการบริหารที่มักจะสำคัญกว่าการทำงานในระดับปฏิบัติการเสียอีก คนทำไอศกรีมเป็นไม่จำเป็นว่าจะเป็นเจ้าของโรงงานไอศกรีมได้ คนสร้างบ้านเป็นไม่จำเป็นว่าจะเป็นเจ้าของบริษัทรับเหมาก่อสร้างได้

คนอื่นทำได้ เราก็ทำได้

แต่ละคนมีความสามารถต่างการ มีสถานการณ์ในชีวิตต่างกัน ประสบพบเจอเหตุการณ์ที่ต่างกัน มีต้นทุนที่ต่างกัน มีความจำเป็น ภาระที่ต่างกัน และอื่นๆอีกมากมายในชีวิตที่ต่างกัน หากเราจะใช้คำที่สวยหรูปลุกใจมาบอกว่า เขาทำได้เราก็ทำได้ นั้นเป็นสิ่งที่ดูจะตื้นเขินเกินไปหน่อย จึงควรคิดให้ถี่ถ้วนก่อนว่าด้วยปัจจัยหลายๆอย่างของเราทำได้จริงหรือเปล่า เพื่อให้พบความจริงว่าเรามีโอกาสทำได้แค่ไหน ถ้าได้จริงๆก็ลุยเลย แต่ถ้าไม่ได้ก็ไม่ได้เกี่ยวกับว่าเราไม่เก่งไร้ความสามารถอะไร ก็แค่ทำไม่ได้หรือไม่อยากทำเท่านั้นเอง และมีสิ่งอื่นที่เหมาะให้ทำมากกว่า คุ้มที่จะทำมากกว่า

ตามกระแส

ทำตามกระแส

คำว่าตามกระแส ก็บ่งบอกชัดเจนเลยว่ากระแสมีมาแล้ว และเรามองเห็น แล้วกำลังจะตามไป ซึ่งกระแสนี้เหมือนกระแสน้ำกระแสลม ที่พัดมาก็พัดไป หากเราเห็นก่อนกระแสจะมา หรือมาแรกๆแล้วเริ่มเลยทันที่ก็อาจจะทำได้เก็บเกี่ยวใช่ช่วงที่กระแสมี แต่ถ้าเราเห็นตอนกระแสเริ่มดังแล้ว แสดงว่ามันถึงจุดสูงสุดเตรียมที่พัดผ่านไปแล้ว การเข้าไปตอนนี้อาจจะกลายเป็นว่าเราเข้าไปตอนช่วงขาลงแล้วก็เป็นไปได้ ตามกระแสในการทำการตลาดได้ แต่อย่าตามกระแสในการทำธุรกิจ ถ้าจะทำเกี่ยวกับกระแสความนิยมจริงๆ ให้นำหรือเข้าช่วงต้นจะดีกว่า

น่าสนใจ

RELATED NEWS