5 สิ่ง ควรรู้ก่อนเริ่มทำธุรกิจ
___________________________________________
ในการทำธุรกิจนั้น นอกจากเรื่องของความรู้ ความสามารถต่าง ๆ ก็มีเรื่องของแนวความคิดที่เหล่าผู้สำเร็จมักจะเอาประสบการณ์ต่าง ๆ มาแชร์ให้แก่คนที่กำลังเริ่มต้น ซึ่งส่วนนี้ถ้าไม่เจอจริง ๆ บางทีอาจจะไม่เข้าใจ แต่ถ้าได้รู้ก่อนก็จะช่วยให้เราเตรียมรับมือกันได้ทัน ซึ่งจะมีอะไรบ้างวันนี้เราก็ได้นำบางข้อที่สำคัญและเชื่อว่าทุกคนที่เริ่มทำธุรกิจต้องรู้ไว้ก่อน
ใช่เลยว่ากว่าที่เราจะตัดสินใจ และเริ่มวางแผนในการทำธุรกิจได้นั้น เราเองก็มีความเก่งกาจอยู่พอตัวเลยทีเดียว แต่อย่าลืมว่า เราไม่ได้เก่งที่สุด ไม่ว่าจะเป็นเจ้าของกิจการไหนๆ ก็ไม่ใช่คนที่จะเก่งที่สุดในทุกเรื่อง ในการจ้างคนมาช่วยทำงานให้ ก็ไม่ได้หมายความว่าจ้างพนักงานมา เพราะพนักงานไม่เก่งเท่าเรา แต่เพราะเขาเก่งในงานส่วนนั้นๆต่างหาก และทางที่ดีหากเราได้คนที่เก่งด้านนั้นจริงๆเก่งกว่าเราย่อมเป็นเรื่องที่ดี คำที่เชื่อกันว่า ถ้าเก่งก็ออกไปเป็นเจ้าของธุรกิจเองได้แล้วสิ นั่นไม่ใช่เรื่องจริงแต่อย่างใด เพราะไม่ใช่ทุกคนที่จะเป็นเจ้าของธุรกิจได้ดี และไม่ใช่ทุกคนที่จะเป็นพนักงานที่ดีได้เช่นกัน
เราจะเห็นว่าเจ้าของธุรกิจหลาย ๆ คนก็ไม่ใช่พนักงานประจำที่ดี เพราะเป็นงานที่ไม่ได้เหมาะกับตัวเอง ประหนึ่งว่า แต่ละคนก็เก่งในส่วนของหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบเท่านั้น แต่ถามว่ามีความสุขที่ทำไม ก็ไม่ บางคนรู้สึกเฉย ๆ ด้วยซ้ำ เจ้าของหลาย ๆ คนพลาดตรงที่คิดว่าตัวเองเก่งที่สุด ทำให้ไม่ไว้วางใจให้พนักงานตัดสินใจเอง
สิ่งที่มักจะเกิดขึ้น ก็คือ คนเก่งที่มีความคิดเป็นของตัวเองนั้น ไม่สามารถทำงานอยู่ได้เพราะไม่ได้ใช้ศักยภาพของตัวเองได้อย่างเต็มที่ เหลือแต่คนที่ไม่เก่งเพราะทำตามคำสั่งอย่างเดียว หรืออาจจะเหลือคนเก่งที่ไม่ได้ใช้ความสามารถของตัวเองในการพัฒนาองค์กรได้ เพราะเจ้าของหรือหัวหน้าไม่ได้เปิดกว้างมากพอ เราจะเห็นว่าเจ้าของธุรกิจขนาดใหญ่หาคนเก่ง ๆ ได้และเปิดกว้าง ไว้วางใจให้พนักงานทำงานอย่างเต็มความสามารถจริง ๆ ธุรกิจก็สามารถขยับขยายได้อย่างมาก เพราะเจ้าของเข้าใจว่าตัวเองไม่ได้เก่งที่สุดในทุกเรื่อง จึงปล่อยให้คนที่เก่งกว่า ชำนาญกว่า ถนัดกว่า เข้ามาดูแลและทำงานให้ส่วนนั้นให้ เพื่อประโยชน์สูงสุดของบริษัทนั่นเอง
ในวันที่เราเป็นพนักงานประจำ สิ่งที่เราไม่ได้ทำถ้าเกิดปัญหา มันก็ไม่ใช่ของเรา ก็เป็นส่วนที่ผู้ที่ทำงานส่วนนั้นๆต้องรับผิดชอบ เราเองรับผิดชอบในงานของเรา หรือกว้างหน่อยก็เป็นแผนกของเรา แต่เมื่อเรามาเป็นเจ้าของธุรกิจแล้วนั้น ไม่ว่าปัญหานั้นจะเกิดจากอะไรก็ตาม มันจะกลายเป็นปัญหาของเราในทันที ไม่ว่าเราจะไม่สนใจแค่ไหน แต่ปัญหานั้นจะย้อนมาที่เราเสมอ เพราะเราคือเจ้าของธุรกิจนั้น ดังนั้น จงเตรียมใจรับมือกับปัญหาทุกอย่างที่จะเกิดขึ้น ไม่ได้หมายถึงว่าเราต้องเข้าไปแก้ไปจัดการทุกอย่าง เพียงแต่ให้รับรู้ว่าเมื่อเราเป็นเจ้าของแล้ว ทุกอย่างที่เกิดขึ้นทั้งดีและไม่ดี เราเป็นส่วนสูงสุดที่ต้องรับผิดชอบมัน
ไม่ว่าจะทำงานอะไรก็ตาม ควรมีสติอยู่เสมอ ยิ่งถ้าเราได้เป็นเจ้าของธุรกิจแล้ว เราต้องมีสติมากยิ่งขึ้นไปอีกมากกว่าเดิม เหมือนการมีครอบครัว ถ้าเราตัวคนเดียวเราก็อาจจะมีสติสำหรับตัวเราเพียงคนเดียว แต่เมื่อเรามีครอบครัว มีหลายอย่างต้องรับผิดชอบ มีคนหลายคนที่เราต้องดูและ มีภาระเพิ่มมากขึ้นอีก จึงต้องยิ่งมีสติมากขึ้นไปอีก คิดให้รอบคอบขึ้นอีก รอบด้านมากขึ้นอีก มองผลกระทบให้ทั่วๆ มุมไหนบ้าง จุดไหนบ้างที่เราอาจมองข้ามไป และยิ่งเมื่อมีเหตุสุวิสัยอะไรเกิดขึ้น เราจะเป็นคนแรกที่ทุกคนหันมาถามและฝากความหวังไว้ ดังนั้นเมื่อเราแบกรับทุกอย่างไว้ด้วยความเป็นเจ้าของ จึงยิ่งต้องมีสติให้มากกว่าคนอื่นมากเท่าที่จะทำได้เลยทีเดียว
การทำธุรกิจไม่ควรเริ่มจากเงิน คิดถึงแต่เรื่องเงิน แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า การทำธุรกิจนั้น ผลตอบแทนหลักก็คือเงิน บางคนทำงานโดยที่ไม่ได้ให้ความสำคัญกับกระแสเงินสดมากนัก ซื้อมา ขายไป กำไรเอามาใช้จ่าย แต่ไม่ได้คำนึงถึงรายละเอียด ซึ่งการเงินนี้เป็นเรื่องที่สำคัญมากที่มองข้ามไม่ได้เลยทีเดียว หากเริ่มแรกทำเองก็ได้ แต่มีรายละเอียดเพิ่มมากขึ้น อาจจะต้องเริ่มมองหาผู้เชี่ยวชาญมาทำให้ เรื่องนี้เป็นเรื่องต้นๆที่ควรให้ความสำคัญ เพราะเปรียบเสมือนเส้นเลือดหล่อเลี้ยงทั้งบริษัทเลยเลยทีเดียว
ในการทำธุรกิจนั้น แม้ว่าจะวางแผนมาเป็นอย่างดีแค่ไหนก็ตาม แต่ไม่มีอะไรที่ราบรื่นได้ตลอด บางปัญหาที่เตรียมรับมือไว้แล้ว แต่ก็จะมีบางอย่างที่เข้ามาอย่างกะทันหัน จึงต้องเป็นคนที่สามารถปรับตัวได้ไว ยิ่งอะไรที่นอกแผนไปแล้วยิ่งต้องพิจารณาปรับแผนได้เร็ว เพราะแผนที่ดีควรยืดหยุ่นได้ตามสถานการณ์ ไม่ยึดติดตามแนวทางเดิมที่ไม่สามารถใช้ได้ดีอีกแล้ว และต้องมีเรื่องให้ต้องคิด ต้องตัดสินใจ ยิ่งเมื่อเป็นหัวหน้า เป็นเจ้าของกิจการด้วยแล้ว คนที่ทำงานภายใต้เราต่างตั้งตารอว่าเราจะตัดสินใจอย่างไร เพื่อจะได้ไปทำตามได้ ดังนั้นการสั่งงาน การตัดสินใจ ต้องชัดเจน เพื่อให้คนที่รับสารเข้าใจว่าต้องไปทำอะไรกันแน่ การรับฟังความเห็นต่างๆเป็นเรื่องสำคัญ แต่คนตัดสินใจยังต้องเป็นเรา หรือถ้าเราบอกให้พนักงานตัดสินใจเองได้เลย นั่นก็เป็นการตัดสินใจของเราอยู่ดี ดังนั้นไม่ว่าเราจะตัดสินใจอย่างไรไปแล้วก็ต้องยอมรับการตัดสินใจในตัวเองด้วย
นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งจากประสบการณ์ของผู้สำเร็จหลายๆคนที่สอดคล้องกันในบางข้อเท่านั้น หากผู้เริ่มต้นทำธุรกิจได้เรียนรู้จากประสบการณ์อันล้ำค่าเหล่านั้นได้มาก ก็ยิ่งทำให้เราสามารถนำประสบการณ์และมุมมองเหล่านั้นมาใช้งานได้อย่างดี ทั้งได้มุมมองที่กว้างขวางและได้ทั้งประสบการณ์ที่เราไม่ต้องไปเสี่ยงเองอีกด้วย