Stock [-18-] ประเภทบัญชีหุ้น 3 แบบ ที่นักลงทุนควรเลือกให้เหมาะกับตัวเอง

date_range 27 ก.พ. 2023
visibility 138 views

 

ประเภทบัญชีหุ้น 3 แบบ ที่นักลงทุนควรเลือกให้เหมาะกับตัวเอง

___________________________________________

สำหรับนักลงทุนมือใหม่ที่มีความสนใจที่จะลงทุนในตลาดหุ้น คุณรู้หรือไม่? ก่อนที่คุณจะทำการซื้อขายหลักทรัพย์ หรือที่เรียกง่าย ๆ ว่า ซื้อขาย หุ้น นั่นเอง นักลงทุนทุกคนต้องเปิดบัญชีหลักทรัพย์ สำหรับการซื้อขายกับโบรกเกอร์นั้น ๆ แต่คุณจะรู้ได้อย่างไรว่าต้องเลือกเปิดบัญชีประเภทไหนจึงเหมาะกับตัวเอง วันนี้เราจึงจะขอพาทุกคนมารู้จักแต่ละ บัญชีหุ้น ทั้ง 3 ประเภท

ซึ่งต้องบอกก่อนเลยว่าแต่ละประเภทจะมีความแตกต่างกันมาก ทำให้นักลงทุนมือใหม่หลายคนลังเลและไม่แน่ใจว่าควรเปิดพอร์ตหุ้นบัญชีไหนดี? บทความนี้เราจึงจะมาอธิบายเกี่ยวกับบัญชีหุ้นทั้ง 3 ประเภท ในแบบฉบับกระชับและเข้าใจง่าย ๆ

แบบที่ 1 Cash Balance หรือ Pre-Paid

Cash Balance

บัญชีซื้อขาย หุ้น ที่คุณต้องนำเงินสดไปฝากไว้กับโบรคเกอร์นั้นก่อน จึงจะสามารถซื้อขายหุ้นได้ เหมาะกับผู้เล่นมือใหม่ เพราะเล่นง่ายและเราสามารถกำหนดวงเงินในการเล่นได้ด้วยตัวเอง พูดง่าย ๆ ก็คือ มีเงินฝากเท่าไหร่ก็เล่นเท่านั้น ข้อดีของบัญชีแคชบาลานซ์ทำให้เราไม่เทรดจนเกินตัว และถ้าหากเงินยังอยู่ในบัญชีไม่ได้ถูกนำไปซื้อหุ้นก็จะได้รับดอกเบี้ยด้วย ถ้าให้แนะนำบัญชีหุ้น สำหรับคนที่ยังไม่เคยเทรดหุ้นมาก่อน บัญชีแคชบาลานซ์ ถือได้ว่าตอบโจทย์มากที่สุด

แบบที่ 2 Cash Account

Cash Account

บัญชีซื้อขาย หุ้น ที่คุณฝากเงิน 20% ไว้กับทางโบรกเกอร์ก่อน แต่สามารถซื้อหุ้นได้ 100% อธิบายง่าย ๆ ก็เหมือนกับการยืมเงินจากธนาคารมาเล่นก่อน แต่ต้องคืนภายใน 2 วันทำการ ฝาก 2,000 บาท เล่นได้ 10,000 บาท ซึ่งข้อดีของบัญชี Cash Account คือ เราไม่ต้องเอาเงินไปทิ้งไว้ในพอร์ตหุ้น เมื่อไหร่ที่เราต้องการซื้อหุ้นก็ค่อยโอนตามมาที่หลัง แต่ถ้าเราไม่โอนภายในเวลาที่กำหนดก็จะโดนค่าปรับได้ด้วย บัญชีประเภทนี้จึงเหมาะกับนักลงทุนที่มีความรู้และผ่านประสบการณ์เทรดหุ้นมาพอสมควรแล้ว และมีเงินทุนหมุนเวียนพอที่จะนำเงินมาคืนได้อย่างรวดเร็ว แต่อาจจะไม่ได้สะดวกในการฝากเงินเข้าบัญชี 100%

แบบที่ 3 Credit Balance Account หรือบัญชีมาร์จิ้น

Credit Balance Account

บัญชีซื้อขาย หุ้น ที่คุณต้องวางเงินหรือหลักประกันไว้กับโบรกเกอร์ตามเงื่อนไข เพื่อคุณจะได้กู้ยืมเงินจากโบรคเกอร์มาซื้อหุ้นได้ โดยมีการคิดดอกเบี้ย และวงเงินขึ้นลงตามกำไรที่เล่นด้วย ยกตัวอย่าง ถ้าราคาหุ้นที่คุณเอามาค้ำต่ำลงไปมากๆ โบรคเกอร์ก็อาจจะเรียกให้เราเอาเงินมาเติม ไม่ก็อาจจะบังคับให้ขายหุ้นตัวนั้น (Force Sell) เพื่อรักษาระดับอัตราส่วนหลักประกันขั้นต่ำไว้ บัญชีประเภทนี้เหมาะกับนักลงทุนมือฉมัง มีวิชาความรู้และประสบการณ์มากพอสมควร แต่อาจจะไม่ได้มีวงเงินในการลงทุนมากนัก อยากเล่นให้ได้กำไรที่มาก จึงเป็นการลงทุนแบบเก็งกำไร จึงไม่เหมาะกับนักลงทุนมือใหม่

เป็นอย่างไรกันบ้างค่ะ พอมองออกแล้วใช่ไหมว่าความแตกต่างของบัญชีหุ้นแต่ละประเภทเป็นอย่างไร เมื่อเราเข้าใจหลักการแล้ว ก็ลองมาสำรวจตัวเองดูว่าตัวเราเหมาะกับบัญชีประเภทไหน แล้วก็ไปเปิดบัญชีกับโบรกเกอร์นั้น ๆ แล้วจัดการซื้อขายหุ้นกันได้เลย…

น่าสนใจ

RELATED NEWS