12 คำศัพท์น่ารู้ ในวงการคริปโต
___________________________________________
เมื่อมีเทคโนโลยีใหม่ๆ ในวงการคริปโต ก็จะมีศัพท์เฉพาะในวงการที่เราไม่ค่อยได้รู้จักเท่าไหร่มาให้ได้ยินกันอยู่บ่อยๆ หากสนใจก็ไม่ยากที่จะหาข้อมูลเลย เริ่มจากศัพท์พื้นฐานกันก่อน ได้แก่
- คริปโตเคอร์เรนซี (CRYPTOCURRENCY) : เริ่มด้วยคำนี้กันเลย คริปโตเคอร์เรนซี (CRYPTOCURRENCY) มาจาก CRYPTOGRAPHY + CURRENCY แปลตรงๆเลยก็คือ “สกุลเงินเข้ารหัส” หรือที่เรียกสั้นๆกันว่า คริปโต (CRYPTO) หมายถึง สกุลเงินดิจิทัล หรือเรียกได้ว่าเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลในรูปแบบของเงิน นั่นเอง
- เงิน FIAT (FIAT MONEY) : เงิน FIAT หรือ FIAT MONEY คือเงินที่เราใช้กันอยู่ทุกวันนี้ จับต้องได้ ใช้จ่ายได้ ชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย เป็นเงินที่จัดทำขึ้นโดยรัฐบาลของแต่ละประเทศ
NOTE : แล้ว CRYPTOCURRENCY กับ FIAT MONEY ต่างกันอย่างไร ลองดูความต่างคร่าวๆที่เห็นได้ชัดกัน ก็คือ CRYPTOCURRENCY ไม่สามารถจับต้องได้ FIAT MONEY จับต้องได้, CRYPTOCURRENCY ทำงานอยู่ภายใต้ระบบบล็อกเชนที่ไม่มีตัวกลาง FIAT MONEY มีตัวอย่างอย่างรัฐบาล ธนาคารกลาง, CRYPTOCURRENCY ยังไม่สามารถใช้จ่ายได้ปกติแบบที่ FIAT MONEY เป็น และCRYPTOCURRENCY เป็นค่าเงินกลางที่เหมือนกันทั่วโลก แต่จะมีมูลค่าต่างไปเมื่อถอนออกมาเป็น FIAT MONEY เป็นต้น
- บิทคอยน์ (BITCOIN) : บิทคอยน์ BITCOIN (BTC) ที่เป็นสกุลเงินดิจิทัลที่แรกของโลก ที่สร้างขึ้นบน BLOCKCHAIN ซึ่งไร้การถูกควบคุมของตัวกลางใดๆ อย่างรัฐบาล หรือธนาคาร
![BITCOIN](https://img.freepik.com/free-photo/beautiful-cryptocurrency-hologram-design_23-2149250222.jpg?w=740&t=st=1672026765~exp=1672027365~hmac=56d73e5eec89f0e52585262d73c3c9eafd07df366051edaf30249dd3653b873b)
- อัลคอยน์ (ALTCOIN) : ALTERNATIVE + COIN แปลได้ตรงตัวว่า “เหรียญทางเลือก” ซึ่งก็จะหมายถึงเหรียญทุก ๆ เหรียญที่ไม่ใช่ BITCOIN นั่นเอง
- อีเธอะเรี่ยม (ETHEREUM) : ETHEREUM (ETH)เป็น ALTCOIN ที่ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อให้สามารถใช้งานได้เหมือน BITCOIN แต่ได้ทำการแก้ไขให้ดีมากขึ้น โดยพัฒนาจากจุดด้อย ขอเสียของ BITCOIN เรียกได้ว่าเป็นเหรียญที่อัปเกรดมาอีก ซึ่งก็จะเห็นว่าสามารถใช้แลกเปลี่ยนได้สะดวกขึ้นด้วย และหลังจากที่ได้พัฒนา ETH ขึ้นมาได้ ก็มีเหรียญอื่นๆตามมาอีกมากมายเลยทีเดียว โดยวัตถุประสงค์ก็จะแตกต่างกันออกไปด้วย
- บล็อกเชน (BLOCKCHAIN) : BLOCK + CHAIN แปลตรงตัวก็คือ “กล่องห่วงโซ่” ซึ่งหากอธิบายในความหมายก็คือ ระบบเครือข่ายการจัดเก็บบัญชีธุรกรรมทางออนไลน์ โดยจะสามารถเก็บข้อมูลการเคลื่อนไหวต่างๆ ไว้ในกล่องที่เชื่องโยงระบบบนเครือข่ายกัน ซึ่งหากนึกภาพจะมีลักษณะเรียงต่อๆ กันคล้ายกับห่วงโซ่ นั่นเอง ซึ่งเมื่อข้อมูลที่ถูกบันทึกนี้จะเปลี่ยนแปลงไม่ได้อีก ถือว่าเป็นความโปร่งใสของระบบ ทั้งยังเป็นการทำธุรกรรมที่จะไม่ผ่านตัวกลางหรือไม่มีตัวกลางในระบบ อย่าง สถาบันการเงิน หรือธนาคาร แต่อย่างใด
![blockchain technology](https://img.freepik.com/free-vector/server-room-rack-blockchain-technology-token-api-access-data-center_39422-442.jpg?w=740&t=st=1672026607~exp=1672027207~hmac=1054d9eec20e3cc1cc19d7827d9b0381c5a075f70bcada9cd26faf32e1b5347b)
- โทเค่น (TOKEN) : ถ้าจะแปลตรงตัว คำว่า TOKEN นั้นมาจากภาษาอังกฤษโบราณคำว่า “TACEN” ซึ่งแปลว่า เครื่องหมาย, สัญลักษณ์ หรือ ชิ้นของเหรียญโลหะ หากจะแปลให้เข้าใจมากขึ้นสามารถเพิ่มคำว่า ของที่ระลึก หรือ เหรียญ ที่สมมุติมูลค่าขึ้นมาแทนเงิน ส่วนในการใช้ในคริปโตนั้น ก็ใช้ไปตามความหมายใกล้เคียงกัน คือ สิ่งสมมติแทนมูลค่าของโปรเจกต์นั้น ๆ (VIRTUAL CURRENCY) โดยมี 3 ลักษณะด้วยกัน ได้แก่
- UTILITY TOKEN ซึ่งจะใช้ประโยชน์ได้เท่าที่ผู้เป็นเจ้าของโปรเจกต์โทเคนกำหนดเอาไว้เท่านั้น
- PAYMENT TOKEN ใช้ในการชำระราคาสินค้าและบริการแทนเงินสด
- ASSET TOKEN คล้ายๆกับการเป็น “ทรัพย์สิน” ซึ่งคนที่มีก็อาจจะได้ส่วนแบ่งกำไรในอนาคตถ้าโปรเจ็คนี้ทำกำไรก็ได้
- SMART CONTRACT : แปลตรงตัวเลยก็ คือ“สัญญาอัจฉริยะ” ซึ่งเป็นระบบที่ผู้ใช้งานสามารถสร้างเงื่อนไขได้ ทำให้หลายคนหันมาสนใจนำไปประยุกต์ใช้ในส่วนงานอื่นๆ และธุรกิจอื่นๆ ด้วย
- โฟร์ค (FORK) : แปลตรงตัวเลยก็คือ ส้อม หรือ คราด พอนำมาใช้งาน ก็จะเหมือนเป็นการที่แยกออกจากกัน ซึ่งในการทำงานของมันก็คือการแยก ส่วนของ BLOCKCHAIN ของเหรียญ ออกมา เพื่อให้เป็นส่วนที่เล็กลง และทำให้การทำงานเร็วขึ้น หรือเพิ่มความปลอดภัยของระบบเป็นส่วนๆไปได้มากขึ้น ซึ่งแบ่งเป็น 2 แบบ คือ SOFT FORK และ HARD FORK ความต่างก็คือ SOFT FORK เป็นการพัฒนาจากระบบเดิม ซึ่งเป็นการใช้งานไปด้วยกัน และไม่กระทบกับระบบหลัก ส่วน HARD FORK คือเป็นการแยกออกมาจากระบบเดิมเลย ไม่ได้ใช้อะไรร่วมกับตัวเดิม อย่างการสร้างเหรียญใหม่ออกมาเลยก็ใช่เช่นกัน
- DECENTRALIZED : เป็นเครื่องมือหลักที่ทำให้คริปโต เป็นเงินดิจิตัล ที่เป็นอิสระและไม่ขึ้นกับตัวกลางอย่างธนาคาร หรือ องค์กรการเงินอื่นๆ ที่มีมาอย่างยาวนาน ซึ่งเป็นระบบกระจายอำนาจในการตรวจสอบธุรกรรมการเงิน ซึ่งโดยระบบแล้วอาจจะสามารถแยกออกมาได้เลย แต่ในทางปฏิบัติแล้วก็ยังไม่ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ ซึ่งก็เป็นสิ่งที่ต้องพัฒนากันต่อไป ทั้งเทคโนโลยีกับการใช้งานของมนุษย์เอง
- CRYPTO WALLET : เป็นตัวกลางที่ทำให้เราสามารถเข้าไปดูข้อมูลและทำธุรกรรมในบัญชีที่จัดเก็บคริปโตได้ เพราะเป็นโปรแกรมที่เอาไว้จัดเก็บคีย์ส่วนตัวของผู้ใช้เพื่อให้เกิดความปลอดภัย และสามารถช่วยในการรับและโอนเงินดิดอลได้ด้วย
![CRYPTO WALLET](https://img.freepik.com/free-vector/smartphone-with-bitcoin-currency-wallet-digital-currency-cryptocurrency-market_40876-2961.jpg?w=740&t=st=1672042540~exp=1672043140~hmac=c9086631a080681fab82799f8f4513bb1dfa8480a3a1fbc0f08994fe3938f54c)
- EXCHANGE : เป็นแพลตฟอร์ม ที่ไว้สำหรับการซื้อ-ขายคริปโตนั่นเอง ซึ่งปัจจุบันก็เรียกได้ว่ายังมีรัฐบาล หรือธนาคาร หน่วยงานด้านการลงทุนของแต่ละประเทศเข้ามากำกับดูแลอยู่ แต่ก็มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ในอนาคตนั้น มีความเป็นอิสระอย่างสิ้นเชิง กระดานที่ไม่มีใครมากำกับ ก็ต้องรออนาคตกันต่อไป