Mutual Fund [-2-] 9 ความเสี่ยงจากการลงทุนในกองทุนรวม

date_range 8 ธ.ค. 2022
visibility 130 views

 

9 ความเสี่ยงจากการลงทุนในกองทุนรวม

___________________________________________

การลงทุนในกองทุนรวม ถือเป็นการลงทุนรูปแบบหนึ่งที่มีความเสี่ยงไม่มากนัก เมื่อเทียบกับ การลงทุนระยะสั้น อื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นการเทรดหุ้นแบบรายวัน การเทรดเหรียญ การเทรดออปชั่น ฟิวเจอร์ส หรือ การเทรดในตลาดต่างประเทศ ซึ่งการลงทุนเหล่านี้จะต้องอาศัย จังหวะ เวลาในการเข้าซื้อ ขายออก เพื่อเก็งกำไร แต่การลงทุนในกองทุนรวมจะมีผู้จัดการกองทุนที่คอยกระจายความเสี่ยงให้ในแต่ละประเภทของการลงทุน และยังถือได้ว่าเป็นการลงทุนที่เหมาะสำหรับการกระจายความเสี่ยงในพอตของนักลงทุนเองอีกด้วย แต่ขึ้นชื่อว่า “การลงทุน” แล้วนั้น ย่อมต้องมีความเสี่ยงอยู่ในตัวเองอยู่แล้ว โดยนักลงทุนควรพิจารณาปัจจัยต่าง ๆ เหล่านี้ด้วยว่า กองทุนที่น่าสนใจนั้นมีความเสี่ยงอะไรบ้าง และตัวนักลงทุนเองนั้นสามารถรับความเสี่ยงแบบไหนได้บ้าง โดยมีให้พิจารณา ดังนี้

1. ความเสี่ยงจากการสภาพคล่องของนักลงทุน ส่วนนี้เป็นสิ่งแรก ๆ ที่จะต้องพิจารณาก่อนที่จะเลือกลงทุนในกองทุนรวม หรือแม้แต่การลงทุนอื่น ๆ ด้วย เนื่องจากสิ่งนี้ถือได้ว่าเป็นปัจจัยหลักในการทำให้เกิดกำไรหรือขาดทุน เช่น กองทุนบางกองทุน จะมีเงื่อนไขในการขายคืนตามระยะเวลาที่กำหนด หากขายคืนก่อนกำหนด จะถูกหักเงิน ทำให้ได้รับเงินต้นไม่ครบ หรือแม้กระทั่งบางกองทุนไม่สามารถขายคืนก่อนกำหนดได้อีกด้วย ดังนั้น หากนักลงทุนไม่มีสภาพคล่องที่เพียงพอแล้วลงทุนในกองทุนเหล่านี้ เมื่อเกิดเหตุต้องใช้เงิน ก็จะไม่สามารถทำได้ตามที่ต้องการ สิ่งนี้ควรพิจารณาก่อนการเลือกประเภทการลงทุน และการเลือกประเภทของกองทุนรวมที่ต้องการ

2. ความเสี่ยงจากทุนทรัพย์ของนักลงทุน ในการลงทุนนั้น หากใช้เงินที่เป็นเงินสำหรับเก็บออม ก็จะสามารถช่วยให้ผู้ลงทุนได้รับดอกเบี้ย หรือผลกำไรได้มากกว่าการฝากธนาคารเฉย ๆ รวมไปถึงบางกองทุนก็มีปันผลให้อีกด้วย แต่ในทางตรงกันข้าม หากนักลงทุนไม่มีเงินทุนหรือเงินออม แต่นำเงินจากการกู้ยืมมาลงทุนก็ย่อมไม่คุ้มแน่นอน หรือนำเงินที่เป็นเงินสำรองฉุกเฉิน ก็ย่อมไม่เกิดกำไร ดังนั้นควรใช้เงินที่มีไว้สำหรับการลงทุนโดยเฉพาะมาลงทุนในส่วนนี้ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อผู้ลงทุนนั่นเอง

3. ความเสี่ยงจากอัตราดอกเบี้ย ในการลงทุนกองทุนจะมีเรื่องของอัตราดอกเบี้ยเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยเสมอ โดยเฉพาะกองทุนตราสารหนี้ ที่จะส่งผลโดยตรงต่อราคา ซึ่งส่วนนี้ทางผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลด้านอัตราดอกเบี้ยของการลงทุนในแต่ละกองทุนก่อน ว่ามีผลกระทบมากน้อยแค่ไหน รับได้แค่ไหน​​​

4. ความเสี่ยงจากภาวะของตลาดโดยรวม ส่วนนี้อาจจะบอกได้ว่า เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงได้ยาก เพราะหากภาวะของตลาดโดยรวมเป็นอย่างไร การลงทุนทั้งหมดก็ย่อมเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งส่วนนี้เป็นสิ่งที่นักลงทุนควรรับทราบและยอมรับความเสี่ยงส่วนนี้ไว้ และยังสามารถพิจารณาการกระจายการลงทุนไปในรูปแบบที่แตกต่างกันได้ ซึ่งเราอาจจะเห็นได้ว่า แม้ตลาดรวมย่ำแย่ แต่ก็อาจจะมีบางอย่างที่ไม่ได้รับความกระทบมากนักก็เป็นไปได้เช่นกัน

5. ความเสี่ยงทางการเมือง การเปลี่ยนแปลงนโยบายต่าง ๆ รวมถึงการบริหารประเทศ ไม่ว่าจะด้านใดก็ตาม ซึ่งรวมถึงด้านการลงทุนของภาครัฐด้วย เป็นส่วนที่จะทำให้เกิดกระทบต่อบริษัทที่ประกอบธุรกิจบางประเภทโดยตรง ไม่ว่าจะเป็นทางบวก หรือ ทางลบ ก็ตาม อีกส่วนที่จะกระทบทั้งตลาดเลยก็คือความไม่มั่นคงทางการเมือง ทำให้ราคาของหลักทรัพย์รวมในตลาดลดลง ผู้คนไม่กล้าลงทุนเพราะขาดความเชื่อมั่น หรือมีการถอนการลงทุน ไปจนถึงนักลงทุนไม่กล้าทำธุรกิจอะไรเลย ทำให้เกิดการชะลอตัวในตลาดรวม ซึ่งส่งผลต่อสภาพคล่องในตลาด และกระทบไปยังความสามารถในการชำระหนี้อีกด้วย

6. ความเสี่ยงจากการผิดนัดชำระหนี้ กองทุนรวม ที่เข้าไปลงทุนในบริษัทที่ออกตราสารหนี้ เพื่อทำการระดมทุนนั้น หากมองง่าย ๆ ก็คือการกู้ยืมเงินเพื่อลงทุนในธุรกิจ ซึ่งความเสี่ยงอย่างหนึ่งก็คือ ผลประกอบการนั่นเอง ซึ่งหากกองทุนที่เราลงทุนไป มีส่วนที่นำไปลงทุนในบริษัทที่มีผลประกอบการไม่ดี ทำให้ไม่เกิดกำไร หรือขาดทุนนั้น ก็อาจจะทำให้ไม่สามารถคืนเงินทุนหรือกำไรในระยะเวลาที่กำหนดได้ หรือบางกองทุนที่มีปันผลก็อาจจะไม่สามารถจ่ายปันผลตามที่คาดไว้ได้เช่นกัน

7. ความเสี่ยงจากสภาพคล่อง สภาพคล่องในตลาดเป็นเรื่องสำคัญอย่างมากในการลงทุน ซึ่งการขาดสภาพคล่อง ทำให้เกิดการซื้อขายในตลาดน้อย ไม่ว่าจะด้วยความนิยมของกองทุนนั้น ๆ ที่มีน้อย หรือสภาวะเศรษฐกิจ การเมือง ก็อาจจะทำให้ตลาดมีการชะลอตัว หรือมีสภาพคล่องที่น้อย ส่วนนี้มีผลทำให้ไม่สามารถซื้อขายได้ตามที่ต้องการ โดยเฉพาะกองทุนแบบเปิด หรือ ETF ที่สามารถซื้อขายได้ จึงควรพิจารณาเรื่องสภาพคล่องก่อนการลงทุนกองทุนประเภทนั้น ๆ ด้วย

8. ความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน กองทุนที่มีการลงุทนในต่างประเทศ ย่อมมีเรื่องของอัตราแลกเปลี่ยนเป็นปัจจัยหลักเพิ่มเข้ามา นอกจากราคาหลักแล้วก็ยังต้องคำนึงถึงอัตราแลกเปลี่ยนอีกด้วย ซึ่งส่วนนี้สามารถมองได้ว่าเป็นความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น แต่ในทางกลับกันก็เป็นกำไรที่มากขึ้นกรณีที่อัตราอยู่ในฝั่งได้เปรียบ แต่ก็เป็นสิ่งที่นักลงทุนต้องพิจารณาเพิ่ม หากต้องการลงทุนในกองทุนที่ลงทุนในต่างประเทศ รวมไปถึงลงทุนในอุตสาหกรรม นำเข้า ส่งออก ซึ่งผลกำไรขาดทุนนั้น ต้องคำนึงถึงอัตราแลกเปลี่ยนเป็นหลักเช่นกัน

9. ความเสี่ยงจากความไม่รู้ จริง ๆ แล้วนี่เป็นสิ่งแรกที่ควรต้องคำนึงถึงก่อนทำการลงทุน เนื่องจากเราไม่ควรลงทุนในสิ่งที่เราไม่มีความรู้ ไม่เข้าใจ ซึ่งนั่นเป็นความเสี่ยงสูงสุดในการลงทุน และมักจะเกิดได้บ่อยมาก แต่หากนักลงทุนที่เพิ่งเริ่มต้น ได้อ่านมาถึงข้อนี้แล้ว ก็เชื่อได้เลยว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดีทีเดียวที่มองหาความรู้ในเรื่องของความเสี่ยงในการลงทุนด้วย สิ่งที่ควรรู้คือ รู้ตัวเอง รู้ตลาด รู้ความเสี่ยง และรู้สิ่งที่จะลงทุน ซึ่งความรู้เหล่านี้ จะช่วยลดความเสี่ยงได้มากเลยทีเดียว เมื่อเรารู้ความเสี่ยงแล้ว สิ่งต่อไปที่นักลงทุนควรศึกษาเพิ่มเติม ก็คือ การกระจายความเสี่ยง ในการลงทุน หรือการจัดพอตให้เหมาะสมนั่นเอง 

น่าสนใจ

RELATED NEWS