TIGHTEN YOUR BELT [-5-] ไม่ว่าจะมีค่าใช้จ่ายมากแค่ไหนก็ต้องมีเงินเก็บสำรองฉุกเฉิน

ไม่ว่าจะมีค่าใช้จ่ายมากแค่ไหนก็ต้องมีเงินเก็บสำรองฉุกเฉิน

___________________________________________

ถ้ารายได้ที่มี ไม่เพียงพอกับรายจ่าย หรือพอดีกับรายจ่าย มันเป็นเรื่องที่ยากมากที่จะให้เก็บเงิน อย่าว่าแต่เงินสำรอง 3 เดือน 6 เดือนเลย แค่ครึ่งเดือนก็ลำบากมากๆ แล้ว แต่อยากให้นึกถึงความเป็นจริงในการใช้ชีวิตว่า ทุกอย่างไม่มีอะไรแน่นอน ไม่ว่าเราจะมีงานประจำบริษัทมั่นคงแค่ไหน ทุกอย่างเกิดขึ้นได้เสมอ ไม่ว่าจะเป็นการถูกไล่ออกด้วยเหตุผลใดๆ ก็ตาม สุขภาพของเราที่ไม่เอื้อต่อการทำงาน เศรษฐกิจที่แย่ ไปจนถึงบริษัทที่ทำอยู่ขาดทุนหรือปิดกิจการไปมันสามารถเกิดขึ้นได้ทั้งนั้น

หลายบริษัทใหญ่ๆ ที่มีสวัสดิการที่ดีสำหรับพนักงาน จะมองเห็นถึงความสำคัญของชีวิตพนักงาน โดยการมีเงินเก็บกองทุนสำรองเลี้ยงชีพไว้ให้
โดยการหักเงินเดือนแล้ว เพื่อเพิ่มเงินเก็บ แล้วคืนให้ในวันที่เราออกจากบริษัท ตามจำนวนปีที่กำหนด เป็นการเก็บเงินที่ได้กำไรพอกพูนที่ดีกว่าฝากเลย ธนาคารไหนๆ ดีที่คุณเลือกอยู่บริษัทที่มีสวัสดิการแบบนี้ ออกจากงานทีก็ได้เงินก้อนไปตั้งตัว หรือสำรองใช้จ่ายได้ระยะหนึ่งเลยทีเดียว

แต่ก็แอบเห็นบางคนบ่นว่าถูกหักเงิน ทั้งที่เป็นประโยชน์กับตัวเอง บางคนอยู่บริษัทที่ไม่มีสวัสดิการเพื่ออนาคตของพนักงานเลย ทำมาสิบปี เวลาออกจากงานที ก็ออกมาตัวเปล่า ไม่ได้อะไรเลย ต้องมาเริ่มต้นจาก 0 อีก ดังนั้นไม่ว่าจะยากลำบากแค่ไหน จงพยายามเก็บเงินสำรองฉุกเฉินให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ค่อยๆ เก็บทีละเล็กน้อย อาจจะได้ซัก 1 เดือน ก็ยังดีกว่าไม่มีเลย แล้วค่อยๆ เก็บไว้เรื่อยๆ แล้วจงมีวินัยในการเก็บเงินให้มากพอที่จะไม่เอาออกมาใช้ รับรู้เสมอว่า นี่คือเงินเก็บสำรองฉุกเฉิน ซึ่งนั่นแปลว่า ถ้าไม่ฉุกเฉินจริงๆ ห้ามเอาออกมาใช้เด็ดขาด แล้วส่วนมากเงินนี้จะมีไว้สำหรับช่วงเวลาที่วันหนึ่งเราไม่มีรายได้ แต่เราจะยังมีเงินส่วนนี้เพื่อเลี้ยงชีวิตได้ระยะหนึ่ง หากมีความจำเป็น
ต้องใช้เงินนี้ก่อน ให้ใช้วิธีการยืมออกมา แล้วหาคืน หรือเริ่มหาใหม่แล้วคืนกลับไปให้ได้เร็วที่สุด 

เวลามีพนักงานตกงาน เห็นเลยว่าหลายๆ คน พอไม่มีงานทำก็ไม่มีเงินเลย ต้องลำบากมากในช่วงเวลาที่ต้องหางานใหม่ แม้ว่าจะยากก็ขอให้
ค่อยๆ เก็บให้มีสำรองเผื่อไว้ เพราะไม่มีชีวิตใครหรอกที่แน่นอน