Financial Plan [-14-] การวางแผนการเงิน สำหรับคนทำงานอิสระ หรือทำธุรกิจ

การวางแผนการเงิน สำหรับคนทำงานอิสระ หรือทำธุรกิจ

___________________________________________

ทุกอาชีพล้วนมีความเกี่ยวข้องกับความเสี่ยงทางการเงิน โดยเฉพาะผู้ประกอบอาชีพอิสระ หรือคนทำธุรกิจส่วนตัวต้องรู้จัก การวางแผนการเงิน ให้รอบคอบทั้ง การวางแผนค่าใช้จ่าย และ การวางแผนรายได้ เพราะบุคคลเหล่านี้จะได้รับรายได้ในแต่ละเดือนไม่แน่นอนมากนัก และทำงานตามรูปแบบโครงการ ซึ่งแตกต่างจากพนักงานบริษัทที่ได้รับรายได้ทุกเดือนและมีการจัดการที่เป็นระเบียบมากกว่า

โดยทั่วไปคนที่ทำงานอิสระ หรือทำธุรกิจ จะมีวิธีการวางแผนทางการเงินกันอยู่แล้ว เพื่อให้เพียงพอกับการรายจ่าย แต่คุณรู้หรือไม่? ไม่ว่าจะทำงานแบบไหน มีเงินเดือน หรือ ไม่มีก็ตาม การวางแผนทางการเงิน ควรมีการวางแผนรายได้ด้วย เพราะแม้ว่าจะมีเงินเดือน ก็อาจจะไม่เพียงพอสำหรับการใช้จ่ายเสมอไป วันนี้เราจึงมีเคล็ดลับ วางแผน การเงิน มือใหม่ สำหรับผู้ประกอบอาชีพอิสระ โดยเฉพาะมือใหม่ที่เริ่มต้นทำธุรกิจคนเดียว

1. มีเงินออมไว้ใช้ยามฉุกเฉิน

แน่นอนว่าการทำธุรกิจนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย บางคนเกิดความเครียดมากมายจากแรงกดดันหลายอย่าง ดังนั้นการลดแรงกดดันทางการเงินที่ไม่จำเป็นออกไป จึงเป็นความคิดที่ดี อย่างการออมเงินไว้ใช้ในยามฉุกเฉิน ทุกคนควรมีเงินสำรองฉุกเฉิน 3-6 เดือน เพื่อเป็นหลักประกันทางการเงิน แต่สำหรับคนที่ประกอบอาชีพอิสระควรมีเงินสำรองฉุกเฉินเป็นอย่างน้อย 12 เดือน เพื่อรักษาสุขภาพทางการเงินและความมั่นคงในสถานการณ์ทางการเงินที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

2. ลงทุนในผลิตภัณฑ์ทางการเงิน

ผู้ประกอบอาชีพอิสระหลายคนแนะนำวิธีนี้ การลงทุนในผลิตภัณฑ์ทางการเงินต่าง ๆ เช่น แผนรายได้รายเดือน กองทุนรวม และผลิตภัณฑ์การลงทุนอื่น ๆ ที่สามารถเพิ่มความปลอดภัยให้กับแผนทางการเงินของคุณได้ จะช่วยรักษาเสถียรภาพทางการเงินส่วนบุคคลได้ดี

3. การทำประกันภัยให้ครอบคลุมเป็นสิ่งสำคัญ

ทุกอาชีพไม่ว่าจะทำงานประจำ หรือทำงานอิสระทุกคนล้วนมีโอกาสที่จะเจ็บป่วยกันทั้งนั้น เมื่อคุณป่วยแน่นอนว่าต้องหยุดงาน เพื่อพักรักษาตัว บางคนรักษาเป็นสัปดาห์หรือเป็นเดือน ซึ่งการหยุดงานอาจจะส่งผลผลกระทบด้านการเงินของคุณ บางคนค่ารักษาพยาบาลแพงมาก นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมการทำประกันภัยจึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับผู้ประกอบอาชีพอิสระ การทำประกันภัยจะคุ้มครองทั้งเรื่องการการเจ็บป่วยหรือการบาดเจ็บ และคุ้มครองรายได้ หากคุณล้มป่วยหนัก (จากโรคใด ๆ ที่ระบุไว้ในกรมธรรม์) ทางบริษัทประกันจะจ่ายเงินให้คุณเป็นก้อน เพื่อให้คุณสามารถครอบคลุมทั้งค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมที่เกี่ยวข้องกับการรักษาและค่าครองชีพในแต่ละวันของคุณ โดยจะจ่ายเป็นเปอร์เซ็นต์ของรายได้ในขณะที่คุณไม่สามารถทำงานได้ หรือถ้าหากคุณเสียชีวิต ครอบครัวของคุณก็ได้รับเงินประกันที่ระบุไว้ในสัญญากรมธรรม์

4. อย่าลืมเรื่องภาษี

เรื่องภาษีเป็นเรื่องที่ใกล้ตัวเรามาก ๆ โดยเฉพาะเจ้าของธุรกิจขนาดเล็กมักจะประสบปัญหาเรื่องภาษี สิ่งสำคัญที่คุณต้องทำ ก็คือ การวางแผนธุรกิจที่รัดกุม มีรายละเอียดให้เห็นชัดเจนว่าคุณต้องเสียภาษีเท่าไหร่และเมื่อใด เพื่อให้มั่นใจว่าคุณได้จัดสรรเงินไว้เพียงพอสำหรับการจ่ายภาษี

5. รับนักบัญชี

เจ้าของธุรกิจขนาดเล็กบางคนมักมองว่านักบัญชีหรือที่ปรึกษาทางการเงินเป็นสิ่งที่ฟุ่มเฟือย และมั่นใจว่าตัวเองสามารถทำบัญชีรายรับรายจ่ายเองได้ แต่ถ้าคุณจ้างมืออาชีพมาทำงานส่วนนี้แทนจะช่วยประหยัดเวลาและความเครียดให้คุณได้มาก คุณเคยได้ยินคำนี้หรือไม่? ‘นักบัญชีที่ดีมีค่าเท่ากับทองคำ’ เพราะคุณจะได้รับประโยชน์จากการคืนภาษีรายได้ที่สูงขึ้นและสิทธิประโยชน์ทางภาษีอื่น ๆ อีกมากมาย จากคำแนะนำของที่ปรึกษาทางการเงินที่มีความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับกฎหมายภาษีในประเทศ

6. ตีราคาสินค้าและบริการให้เหมาะสม

การตีราคาสินค้าและบริการเป็นสิ่งที่ยากที่สุดของการเริ่มต้นธุรกิจ หลายคนมักจะตีราคาที่ต่ำเกินไป อย่าประเมินค่าสินค้าหรือบริการของตัวเองต่ำเกินไป ควรตรวจสอบสินค้าหรือบริการให้ละเอียดและตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณกำหนดราคาในระดับที่เหมาะสมและทำให้ธุรกิจของคุณดำเนินต่อไปได้ การตีราคาที่ต่ำเกินไปไม่มีประโยชน์ที่จะขายของ เพราะมันจะทำให้ระดับกำไรของคุณไม่เพียงพอที่จะชำระค่าใช้จ่ายต่าง ๆ

7. เก็บเงินสำรองสำหรับเกษียณอายุ

ทุกอาชีพการวางแผนเกษียณอายุ ถือเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม เพราะทุกคนล้วนต่างก็มีช่วงอายุที่ไม่สามารถทำงานได้ การคิดเชิงรุกเกี่ยวกับเงินบำนาญของคุณตั้งแต่เริ่มต้น ถึงแม้ว่าคุณจะสามารถเก็บออมได้เพียงเล็กน้อยหรือค่อย ๆ เพิ่มเงินสมทบประจำปี เป็นความคิดที่ดี หากตัดสินใจที่จะรอจนกระทั่งคุณรู้สึกว่าการเงินของคุณมั่นคงพอ อาจจะใช้เวลานาน ยิ่งคุณปล่อยไว้นานเท่าไหร่ คุณก็จะได้รับผลประโยชน์จากดอกเบี้ยทบต้นน้อยลงเท่านั้น และการออมเงินให้เพียงพอสำหรับเกษียณอายุก็จะยิ่งยากขึ้น ถึงแม้ว่าจะไม่ได้รับประโยชน์จากเงินสมทบของนายจ้างเหมือนพนักงานออฟฟิศ แต่คุณยังคงมีสิทธิ์ได้รับการลดหย่อนภาษีจากเงินสมทบเงินบำนาญของคุณเอง

8. แยกบัญชีส่วนบุคคลและบัญชีธุรกิจออกจากกัน

ในการทำธุรกิจ หรือประกอบอาชีพอิสระ คุณต้องแยกบัญชีส่วนบุคคลและบัญชีธุรกิจออกจากกันอย่างชัดเจน ซึ่งการทำบัญชีธุรกิจจะทำให้คุณเห็นว่า ธุรกิจดำเนินการอย่างไร ในแง่ของการจัดการรายได้ ค่าใช้จ่าย และกระแสเงินสด อีกทั้งยังทำให้คุณสามารถบริหารจัดการค่าใช้จ่ายส่วนตัวได้ง่าย

สุดท้ายนี้ บางทีบทเรียนที่สำคัญที่สุดสำหรับการวางแผนการเงิน ก็คือ การรับคำแนะนำจากที่ปรึกษาทางการเงินที่มีคุณสมบัติเหมาะสมกับธุรกิจของคุณ แต่อย่างไรก็ตาม คุณไม่ควรทำตามคำแนะนำแบบสุ่มสี่สุ่มห้าได้ คุณต้องมีส่วนร่วมในการวางแผนด้วย เพราะไม่มีใครรู้ความต้องการปัจจุบันของคุณหรือคาดการณ์ความต้องการในอนาคตของคุณได้แม่นยำเท่าคุณแล้ว ดังนั้น รับผิดชอบและเริ่มวางแผนการเงินตั้งแต่วันนี้เพื่อสถานะทางการเงินในอนาคตที่มั่งคงยิ่งขึ้น