Cryptocurrency [-2-] รู้จักคริปโตก่อนคิดลงทุน

รู้จักคริปโตก่อนคิดลงทุน

___________________________________________

ตลาดการลงทุนช่วงหลังมานี้ มีศัพท์ใหม่ ๆ มากมาย แต่ที่แน่ ๆ ทุกคนต้องเคยได้ยินคำว่า คริปโต มาก่อนไม่ว่าจะเคยลงทุนกับมันหรือไม่ก็ตาม แล้วที่ได้ยินกันบ่อย ๆ ว่าคริปโต นี่มันคืออะไรกันแน่ ทำไมคนพูดถึงกันเยอะเลย มันคืออะไร? มีส่วนสำคัญแค่ไหน? และน่าลงทุนแค่ไหน? ลองมาทำความรู้จักก่อน ที่จะเริ่มสเต็ปการลงทุนถัดไป

คริปโต คืออะไร?

คริปโต ที่เราเรียกกันสั้น ๆ นี้จริงแล้วมัน คือคำว่า คริปโตเคอร์เรนซี (CRYPTOCURRENCY) ซึ่งมันมาจาก 2 คำที่รวมกัน นั่นก็คือ CRYPTO และ CURRENCY ซึ่งแปลตรงตัวเลยก็คือ “สกุลเงินเข้ารหัส” ซึ่งพอแปลออกมาแบบนี้ก็ยังหลายคนก็ยังคงงงกันอยู่ แต่จริง ๆ แล้วพอพูดถึงสกุลเงิน ก็พอจะนึกภาพออกบ้างแล้วใช่ไหมคะ? เพราะนี่ก็คือเป็นสกุลเงินชนิดหนึ่ง แต่ไม่ได้มาจากประเทศอะไร ไม่มีรัฐไหนผลิต ไม่มีเหรียญ ไม่มีธนบัตร เพราะจริง ๆ แล้ว คริปโต เกิดขึ้นมาจากการใช้เทคโนโลยีในการเข้ารหัสลับ (CRYPTOGRAPHY) ในการทำธุรกรรม มีการยืนยันตัวตนในการแลกเปลี่ยน ซึ่งในเชิงทางเทคนิคก็อาจจะต้องใช้ความรู้ความเข้าใจมากพอสมควร

ดังนั้น วันนี้เราจะไม่อธิบายเชิงนั้น เพราะก็เหมือนการผลิตธนบัตรที่เราไม่จำเป็นต้องไปรู้ขั้นตอนอะไรของมัน เราในฐานะผู้ใช้ หรือผู้ที่สนใจลงทุน แค่เข้าใจคอนเซ็ปของมัน เข้าใจว่าจะใช้มันอย่างไร มีข้อดี-ข้อเสียอย่างไร? ก็น่าจะพอดีแล้ว ซึ่งความจริงแล้ว ความตั้งใจแรกของ CRYPTOCURRENCY ก็ไม่ได้แตกต่างจากสกุลเงินอื่น ๆ มากนัก คือ การที่ให้สามารถแลกเปลี่ยน ซื้อของกันได้จริง นั่นเอง

CRYPTOCURRENCY มีอะไรบ้าง?

ยกตัวอย่างที่เราเห็นกันบ่อย ๆ เลยก็คือ BITCOIN (BTC) ที่เป็นสกุลเงินดิจิทัลแรกของโลก ที่มีอัตราการเติบโตมากที่สุดใจโลก แต่หลายคนมักเข้าใจผิดว่า BITCOIN กับ CRYPTO เป็นคนละอย่างกัน ซึ่งจริง ๆ แล้ว BITCOIN คือ สกุลเงินหนึ่งของ CRYPTOCURRENCY หรือหากจะยกตัวอย่างให้เข้าใจง่าย ๆ ก็คือ CRYPTOCURRENCY คือ เงิน ส่วน BITCOIN คือ สกุลเงินหนึ่งนั่นเอง

ซึ่งแน่นอนว่าเงินมีหลากหลายสกุลเหมือนกัน เช่น ดอลล่า บาท กีบ ยูโร เป็นต้น ส่วนสกุลเงินดิจิตอล เช่น BTC, BCH, DOT, ETH เป็นต้น เหรียญสกุลเงินดิจิตอล ทำกันออกมามากมาย แต่ในช่วงนี้ก็ยังคงเป็นการลงทุนแบบเทรด มีการซื้อสินทรัพย์ดิจิตอลอื่น ๆ บ้าง หรือมีการแลกเปลี่ยนกันในเชิงการตกลงซื้อขายกันเองบ้าง แต่ก็มีเหรียญไม่กี่สกุลที่ได้รับความนิยมและได้รับความน่าเชื่อถือ แต่ก็ยังไม่ได้ใช้กันอย่างแพร่หลายและยังไม่ได้รับการยอมรับในการใช้จ่ายจริง ๆ เหมือนเงินปกติ แต่ไม่แน่ในอนาคต คริปโต อาจได้รับการยอมรับมากขึ้นให้สามารถใช้จ่ายแทนเงินสดได้

ทำไม คริปโต จึงมาได้ไกลขนาดนี้

ตอนคริปโตออกมาครั้งแรกได้รับความสนใจเป็นอย่างมากในวงกว้าง โดยเฉพาะเมื่อออกเหรียญแรกอย่าง BTC อาจจะเพราะเป็นเรื่องใหม่จึงทำให้มีคนเพียงบางกลุ่มที่พอจะเข้าใจการทำงานของมันอยู่บ้าง และบางคนที่กล้าได้กล้าเสีย พร้อมที่จะลงทุนไปตามข้อมูลความเป็นไปได้ที่ได้รับมาเท่านั้น แต่คนส่วนใหญ่ยังคงกลัวและมองว่ามันเป็นการลงทุนที่ไม่แน่นอน หลายคนคิดว่าเป็นกระแสที่มาแล้วเดี๋ยวก็ไป แต่กลายเป็นว่ามีมาจนทุกวันนี้ และเป็นที่ยอมรับมากขึ้นเรื่อย ๆ

ซึ่งส่วนหนึ่งนั้นก็เพราะคริปโตถูกสร้างไว้บน BLOCKCHAIN ซึ่งเป็นระบบที่มีความน่าเชื่อถือเป็นอย่างมาก และการทำธุรกรรมต่าง ๆ ไม่ได้ผ่านตัวกลางแต่อย่างใด แถมยังมีการลงประวัติอย่างโปร่งใส และด้วยความแข็งแกร่งของระบบนี้เองที่ทำให้คริปโตคงอยู่ได้ และอีกอย่างที่เราเห็นกันได้ชัดเลยก็คือ เม็ดเงินที่ลงไปอยู่ในนั้นมากขึ้นเรื่อยๆจนเป็นจำนวนมหาศาลแล้วในปัจจุบัน ซึ่งก็แน่นอนว่าเมื่อมีความหนาแน่นมาก ก็ยิ่งทำให้คริปโตยังคงอยู่ต่อมา และคาดว่าจะไปได้ไกล เรียกได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งที่จะใช้กันได้แบบปกติในอนาคตของโลกเลยก็ว่าได้

เราควรลงทุนในคริปโตหรือไม่?

หลังจากที่ได้ทำความรู้จักคร่าว ๆ เกี่ยวกับคริปโตกันมาแล้ว เราก็พอจะเห็นได้ชัดเจอมากขึ้นว่าคริปโตน่าจะยังคงมีอนาคตอีกไกลเลย แบบนี้ก็ยิ่งต้องน่าลงทุนหรือเปล่า? ก็ขอหยุดไว้ตรงนี้ก่อน เพราะแม้ว่าด้วยตัวของมันเองและเครื่อข่ายที่สนับสนุนนั้น มีความน่าเชื่อถือ และมีอนาคตอีกยาวไกลนั้น แต่ในการลงทุนนั้นต่างออกไป เพราะไม่ว่าเราจะลงทุนอะไรก็ตามล้วนมีความเสี่ยง แล้วบอกได้เลยว่าการลงทุนในคริปโตนั้น มีความเสี่ยงสูงมาก เรียกได้ว่าแซงการลงทุนรูปแบบอื่น ๆ กันเลยทีเดียว

ดังนั้นนอกจากทำความรู้จักคริปโตโดยภาพรวมแล้ว สิ่งที่ต้องทำความรู้จักอีกก็คือเหรียญแต่ละแบบที่เราสนใจ ซึ่งก็เหมือนเวลาที่เราจะลงทุนในหุ้น เราก็ไม่ได้เลือกหุ้นตัวไหนก็ได้ แต่เราเลือกตัวที่เราคิดว่า น่าสนใจ มีวอลุ่มดี ราคาน่าซื้อ อนาคตยาวไกล มีความมั่นคงน่าเชื่อถือพอหรือไม่ การแกว่งตัวของราคาเป็นอย่างไรได้บ้าง

ซึ่งเหล่านี้ทั้งหมดที่เป็นปัจจัยภายนอกที่เราสามารถเรียนรู้หาความรู้ได้ ซึ่งนี่ก็ถือว่าเป็นปัจจัยภายในคือเรามีความรู้พอหรือยัง เรารับความเสี่ยงได้มากแค่ไหน เรามีแหล่งเงินทุนที่พร้อมจะเสียเงินต้นไปทั้งหมดหรือไม่ เพราะความเสี่ยงที่ว่านี้มีทั้งด้านบวกและลบ ซึ่งสามารถทำให้เงินที่ลงไปนั้นเพิ่มขึ้นทวีคูณหลายเท่า และในทางกลับกันก็สามารถทำให้หายไปหมดเลยก็ได้เช่นกัน ดังนั้นจึงควรต้องพิจารณาก่อนการลงทุน